Recommended Books

Browse

Recent Submissions

Now showing 1 - 6 of 104
No Thumbnail Available
Item

แนะนำหนังสือ : ราษฎรธิปไตย (JQ1740.ท9 ศ46 2562)

2024-05-09 , ศรัญญู เทพสงเคราะห์

เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง และคงเป็นเรื่องดีที่พวกเราจะได้มีโอกาสค้นคว้าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ในหลายแง่มุม และเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น วันนี้ห้องคลังความรู้ มิวเซียมสยาม ขอแนะนำหนังสือเรื่อง ราษฎรธิปไตย เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เห็นเรื่องราวในมิติของราษฎรที่ได้อยู่ร่วมสมัยกับยุคนั้น จากหนังสือ ราษฎรธิปไตย การเมือง อำนาจ และความทรงจำของ(คณะ)ราษฎร (เลขเรียกหนังสือ JQ1740.ท9 ศ46 2562) โดย ศรัญญู เทพสงเคราะห์ ที่จะทำให้เราได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง นำมาสู่การทำให้ราษฎรตื่นตัวในเรื่องการปกครองรูปแบบใหม่นี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้มีการสร้างอนุสาวรีย์ที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญตามจังหวัดต่างๆ การได้เข้ามาเป็น ส.ส.ของสามัญชนในภาคอีสาน หรือแม้แต่กระทั่งการประกวดกลอนลำเทิดรัฐธรรมนูญ ซึ่งล้วนแต่ทำให้ชาวบ้านรับรู้การปกครองรูปแบบใหม่ได้มากยิ่งขึ้น “หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นการศึกษาเหตุการณ์การปฏิวัติ 2475 แต่เป็นการศึกษาเพื่อประเมินคุณค่าและคุณูปการที่การปฏิวัติ 2475 มีต่อการเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองและสังคมไทยอย่างกว้างขวางทั้งในด้านความตื่นตัวทางการเมืองของพลเมือง ลักษณะกิจกรรม-สัญลักษณ์ทางการเมืองในช่วงแรกของประชาธิปไตยไทย”

Thumbnail Image
Item

แนะนำหนังสือ : อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพนายเลียง ไชยกาล [DS561 อ234 2529]

ในยุคปัจจุบัน บทบาทของผู้หญิงหรือสตรีนั้นมีมากขึ้นในสังคมไทย ไม่ว่าจะในแวดวงธุรกิจ ราชการ และการเมือง แต่หากย้อนไป 70 กว่าปีก่อน บทบาทของผู้หญิงยังมีไม่มากนัก โดยเฉพาะในด้านการเมือง วันนี้ห้องคลังความรู้ มิวเซียมสยาม ขอพาทุกท่านมาทำความรู้จัก ส.ส. หญิงคนแรกของประเทศไทย นั่นก็คือคุณอรพินท์ ไชยกาล ภรรยาของ คุณเลียง ไชยกาล อดีต ส.ส.อุบลราชธานี และรัฐมนตรี หลายสมัย จากหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพนายเลียง ไชยกาล (เลขเรียกหนังสือ DS561 อ234 2529) ซึ่งเป็นหนังสือที่พูดถึงประวัติ และการทำงานของนายเลียง ไชยกาล โดยมีเหตุการณ์สำคัญๆไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเรื่องเรื่องการทุจริตซื้อขายที่ดินพระคลังข้างที่ ที่มีคนของรัฐบาลเข้าไปซื้อที่ในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง จนทำให้พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ได้ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่นอกจากเรื่องราวของนายเลียง ไชยกาลแล้ว ผู้ที่ร่วมเขียนไว้อาลัยในหนังสืองานศพนี้ ต่างมีการพูดถึง นางอรพินท์ ไชยกาล ผู้เป็นภรรยา และเป็น ส.ส.หญิงคนแรกของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น นายสวัสดิ์ คำประกอบ ที่ได้พูดถึงนางอรพินท์ไว้ว่า “เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๙๑ ปรากฏว่า คุณอรพินท์ ไชยกาล ได้คะแนนอย่างท่วมท้นเป็นประวัติการณ์ ประเทศไทยได้มี ส.ส.หญิงคนแรก เป็นที่โจษขานกันทั่วทั้งประเทศ ทำให้เกียรติของสตรีไทยสูงเด่นขึ้นในวงการทั่วไปอีกระดับหนึ่ง ที่สตรีก็มีความสามารถในธุรกิจกราชการงานเมืองต่างๆ ทัดเทียมไม่แพ้ชาย เป็นการเปิดประตูให้สังคมไทยยอมรับถึงความสามารถของสตรีในคราวครั้งนี้” เช่นเดียวกับหม่อมอรุณ กาญจนวิชัย ณ อยุธยา ได้มีการเขียนถึงคุณอรพินท์ ไว้ดังนี้ “คุณอรพินท์เป็นผู้มีฝีมือในการงาน เป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสตรีประจำจังหวัด มีลูกศิษย์ลูหาทั่วเมือง สมัครรับเลือกตั้งได้เป็นผู้แทนหญิงคนแรกของประเทศไทย เป็นผู้ก่อตั้งและดำเนินการมูลนิธิเด็กกำพร้าอีสาน ร่วมริเริ่มและสนับสนุนก่อตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน ฯลฯ” อย่างไรก็ตามผลงานที่สำคัญของ ส.ส. หญิงคนแรกของไทย คือ การเสนอ ยกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในการประชุมสภา เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ปี ๒๔๙๘ โดยเสนอให้สตรีมีสิทธิในการจัดการทรัพย์สินร่วมกับสามี ต่างจากก่อนหน้านี้ ที่การทำธุรกรรม หรือจัดการทรัพย์สินตามกฎหมาย เป็นอำนาจของสามีโดยสมบูรณ์ การเสนอร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เป็นการเพิ่มสิทธิทางกฎหมายของผู้หญิง อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ. นี้ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา สำหรับท่านที่ที่สนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้บริการห้องคลังความรู้ มิวเซียมสยาม ทุกวัน อังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 18.00 น. หรือค้นหาหนังสือที่ท่านสนใจได้ที่ http://knowledge-center.museumsiam.org มาเรียนรู้เรื่องราวทางสังคม ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมไปด้วยกันนะครับ

No Thumbnail Available
Item

แนะนไหนังสือ : เปิดตำนานดุสิตธานี (DS582.6 ด94)

2024-05-09 , โดม ลูกแม่จันทร์

หนังสือ เปิดตำนานดุสิตธานี (เลขเรียกหนังสือ DS 582.6 ด94) โดยโดม ลูกแม่จันทร์ ที่ได้นำเสนอเรื่องราวของดุสิตธานี เมืองจำลองที่หลายคนเชื่อว่าเป็นการวางแนวคิดรากฐานของประชาธิปไตย ซึ่งครั้งนึงดุสิตธานีนั้นได้ถูกตั้งไว้ในพื้นที่ของพระราชวังพญาไท “พร้อมกันนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ย้ายเมืองดุสิตธานี ไปสร้างขึ้นใหม่ที่พระราชวังแห่งนี้ เนื่องจากพระราชวังพญาไทนี้มีบริเวณที่ยังเป็นที่ว่างเปล่า กว้างขวางกว่าบริเวณเดิมที่ริมอ่างหยกกับพระที่นั่งอุดรฯ มาก” ว่ากันว่าเมื่อมีการตั้งดุสิตธานีที่พระราวังพญาไท เมืองเหล่านี้ก็เป็นที่ที่ทำให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยได้ใช้โอกาสในการเข้ามาตกแต่งบ้านเรือนตนเองในดุสิตธานี ในการเข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 6 และในปัจจุบัน ยังมีการเก็บรักษาเมืองจำลองดุสิตธานีบางส่วน โดยสามารถเยี่ยมชมได้ที่หอวชิราวุธานุสรณ์ ในวันเวลาราชการ

Thumbnail Image
Item

แนะนำหนังสือ : พระบรมสารีริกธาตุ [BQ924 บ17 2546]

2024-02-29 , กรมศิลปากร

ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ท้องสนามหลวงได้มีการเปิดให้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ จากประเทศอินเดียมาให้ประชาชนได้สักการะ โดยพระบรมสารีริกธาตุนี้ได้ถูกขุดค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2441 โดยถูกค้นพบจากสถูปโบราณ เมืองปิปราห์วา สันนิษฐานว่าเป็นที่ตั้งของเมืองกรุงกบิลพัสดุ์ในสมัยพุทธกาล วันนี้ห้องคลังความรู้ มิวเซียมสยาม เลยขอชวนผู้ที่สนใจมาทำความรู้จักพระบรมสารีริกธาตุเพิ่มเติมผ่านหนังสือ พระบรมสารีริกธาตุ สำหรับหนังสือ พระบรมสารีริกธาตุ (เลขเรียกหนังสือ BQ924 บ17 2546 ) โดยกรมศิลปากร เป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวของพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันธาตุ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรูปแบบ ลักษณะ และความเชื่อต่างๆ และได้บอกเล่าการขุดค้นพบพระบรมสารีริกธาตุไว้ดังนี้ “ขุดลึกลงไปได้พบฝาหีบทำด้วยศิลาทรายขนาดใหญ่ ภายในพบผอบหินสบู่ 2 ใบ เมื่อตรวจสอบของที่พบในผอบปรากฏว่าเป็นพระบรมธาตุ และลูกปัดทองคำ ที่ฝาผอบมีจารึกของศากยราชเป็นอักษรพราหมี แปลความออกมาได้ว่า ที่บรรจุพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้านี้ เป็นของศากยราชสุกิติกับพระภาตา พร้อมทั้งพระภคินี พระโอรส และพระชายา สร้างขึ้นอุทิศถวายไว้” ในครั้งนั้นทางรัฐบาลอินเดียได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2441 ด้วยเห็นว่าราชอาณาจักรไทยเท่านั้นที่ยังเป็นประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง สมควรที่พระบรมสารีริกธาตุนั้นจะได้ประดิษฐานอยู่ในราชอาณาจักรไทย และในหลวงรัชกาลที่ 5 ก็ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานที่พระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) วัดสระเกศวรมหาวิหาร ตั้งแต่ พ.ศ.2442 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน ท่านที่สนใจในเรื่องราวของประวัติศาสตร์ สังคม ศาสนา และวัฒนธรรม สามารถมาค้นคว้าข้อมูล เรื่องราวต่างๆเพิ่มเติมได้ที่ ห้องคลังความรู้ มิวเซียมสยาม อาคารสำนักงานชั้น 2 ทุกวันอังคาร ถึง วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 18.00 น. มาค้นคว้าเรื่องราวต่างๆไปด้วยกันนะครับ

No Thumbnail Available
Item

แนะนำหนังสือ : งานช่างสมัยพระนั่งเกล้าฯ (N7321 .ร6 ศ63)

2024 , ศักดิ์ชัย สายสิงห์

ในยุคสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ของกรุงรัตนโกสินทร์ ถือว่าเป็นยุคสมัยหนึ่งที่มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามทั้งในและนอกเขตพระนคร ถึงกับมีระบุไว้ในเพลงยาวสรรเสริญพระเกียรติรัชกาลที่ 3 ไว้ว่า “ทูลเรื่องอื่นมิได้ชื่นเหมือนเรื่องวัด เวียนแต่ตรัสถามไต่ให้ไฝ่ฝัน...” จากประโยคดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า รัชกาลที่ 3 นั้นโปรดในเรื่องของการสร้างวัด ทั้งในส่วนของการบูรณปฏิสังขรณ์วัดที่สร้างตั้งแต่ครั้งรัชกาล ที่ 1 รวมไปถึงวัดที่สร้างขึ้นใหม่ในยุคของพระองค์เอง นั่นเลยทำให้หลายๆวัดในกรุงเทพในปัจจุบัน ยังคงปรากฏร่องรอยศิลปะงานช่างจากยุครัชกาลที่ 3 อยู่ หนังสือ งานช่างสมัยพระนั่งเกล้าฯ (เลขเรียกหนังสือ N7321 .ร6 ศ63) โดยศักดิ์ชัย สายสิงห์ ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยเฉพาะการเปลี่ยนการสร้างวัดตามประเพณีนิยม กล่าวคือการใช้ไม้เป็นส่วนประกอบหลัก มาเป็นการสร้างตามพระราชนิยม ที่ใช้การก่ออิฐถือปูน ซึ่งนอกจากจะเป็นไปเพื่อความคงทนแข็งแรงแล้ว ยังมีสาเหตุสำคัญจากการเกณฑ์ช่างจีนมาช่วยก่อสร้าง “ในรัชสมัยนี้มีการบูรณปฏิสังขรณ์และสร้างวัดขึ้นใหม่อย่างมากมาย จำเป็นต้องระดมช่างเป็นจำนวนมาก ทำให้ขาดช่างฝีมือดีมาทำการก่อสร้าง โดยเฉพาะการสร้างแบบประเพณีนิยมที่ต้องแกะสลักช่อฟ้า หน้าบัน ถ้าต้องรอช่างเหล่านี้คงต้องใช้เวลานานจึงไม่ทันการ พระองค์จึงทรงเกณฑ์ช่างจีนมาช่วยสร้างงาน ดังนั้น รูปแบบของอาคารจึงเปลี่ยนแปลงไปตามความสามารถของช่างจีน”

Thumbnail Image
Item

แนะนำหนังสือ : ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม (ในแผ่นดินสมเด็จพระณารายณ์มหาราช) [DS578.6 ช8 2550]

2024-02-22 , นิโกลาส์ แชรแวส , แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร

หากพูดถึงเมืองลพบุรี นอกจากจะมีสถานที่สำคัญอย่างพระณารายณ์ราชนิเวศน์ พระปรางค์สามยอด และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย โดยเฉพาะสมัยสมเด็จพระณารายณ์มหาราช ที่ชาติตะวันตกได้เข้ามาและทำการเผยแผ่ศาสนาและติดต่อค้าขาย ต่างก็ได้ทำการบันทึกเรื่องราวของตนไว้ วันนี้ห้องคลังความรู้เลยมีหนังสือที่พูดถึงเมืองลพบุรีเล่มหนึ่งมานำเสนอ จากหนังสือประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม (ในแผ่นดินสมเด็จพระณารายณ์มหาราช) โดย นิโกลาส์ แชรแวส แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร (เลขเรียกหนังสือ DS578.6 ช8 2550) ซึ่งเป็นบันทึกของนิกลาส์ แชรแวส มิชชันนารีที่ได้เดินทางมาอาศัยในสยามยาวนานถึง 4 ปี ได้บันทึกเรื่องราวของเมืองละโว้ หรือที่ตามบันทึกเรียกว่าเมืองนพบุรี โดยมีการบรรยายถึงพระณารายณ์ราชนิเวศน์ว่า “พระราชวังของพระเจ้าแผ่นดินเพิ่งสร้างขึ้นใหม่ที่ชายน้ำ แต่ไม่งดงามเท่ากรุงศรีอยุธยา หากมีลางสิ่งที่เจริญตากว่า มีกำแพงที่แข็งแรงพอใช้ ที่มุมทั้งสี่มีสระน้ำใหญ่สี่สระ บรรจุน้ำบริสุทธิ์ เป็นที่สรงสนานของพระเจ้าแผ่นดิน” นอกจากนี้ นิโกลาส์ แชรแวส ยังได้มีการบันทึกถึงสัตว์ต่างๆในสยาม และแน่นอนว่าต้องมีเรื่องของลิง “ตามชายน้ำมีลิงทั้งตัวใหญ่และตัวน้อยไต่อยู่ยั้วเยี้ย แลดูราวกับว่ามันจงใจมากระโดดโลดเต้น และห้อยโหนโจนทะยานให้เราชมเล่น” จากบันทึกของแชรแวส ไม่ได้ระบุสถานที่พบเจอลิงว่าเป็นที่ใด แต่ในปัจจุบันเราสามารถพบเจอลิงได้ทั่วตัวเมืองลพบุรี และยังคงเป็นปัญหาที่ยังต้องหาการแก้ไข เพื่อให้คนและลิงรวมไปถึงสัตว์อื่นๆอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข สำหรับหนังสือ เรื่องราวของธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม ยังมีเนื้อหาและเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมาก ท่านที่สนใจสามารถมาอ่านต่อได้ที่ห้องคลังความรู้ มิวเซียมสยาม อาคารสำนักงานชั้น 2 ทุกวันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 18.00 น. หรือถ้าอยากนำกลับไปอ่านที่บ้าน ก็สามารถติดต่อบรรณารักษ์เพื่อสมัครสมาชิก และทำการยืมหนังสือได้เลยครับ